กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผนึกกำลังภาครัฐ–เอกชน ลงนามผลักดัน บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนผ่าน‘Aluminium Loop Model’
หนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปล่อยคาร์บอนฯ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตและการจัดการกระป๋องอลูมิเนียมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Aluminium Can Supply Chain) ร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอย่างยั่งยืน โดยใช้ “Aluminium Loop” เป็นต้นแบบการรีไซเคิลวงจรปิด (Closed Loop Recycling) ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมสนับสนุนข้อมูลภาคอุตสาหกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียม รองรับมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของประเทศไทย(TH-CBAM) มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ของประเทศ
ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบหมุนเวียนบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร เชื่อมโยงตั้งแต่การผลิต การบริโภค การคัดแยกเก็บกลับ ไปจนถึงการนำเข้าสู่ระบบการรีไซเคิล โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการลดปริมาณขยะตกค้าง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรมจะเป็นผู้ประสานงานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ รวมถึงองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและสื่อสาธารณะ เพื่อร่วมกันผลักดันการศึกษา การพัฒนา และบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรสอดคล้องตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
สำหรับภาครัฐและบทบาทในการดำเนินการ อาทิ กรมควบคุมมลพิษ เร่งผลักดันกฎหมายการจัดการบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนซึ่งเป็นไปตามหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility: EPR) และแผนปฏิบัติการจัดการขยะของประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการ บูรณาการฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ผลักดันมาตรการคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของประเทศไทย (TH-CBAM) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมติดตามผลกระทบต่อชายฝั่งทะเลและสนับสนุนมาตรฐานทะเลสะอาด และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการคัดแยกบรรจุภัณฑ์ออกจากขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ และนำแนวทางหรือนโยบายไปปฏิบัติจริงในพื้นที่
















ขณะที่ภาคเอกชนจะทำหน้าที่ในการพัฒนาระบบการจัดการและจัดทำฐานข้อมูลการจัดการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมที่ครอบคลุมตลอดทั้งวงจร ตั้งแต่การผลิต การบริโภค การคัดแยก การเก็บกลับ และการรีไซเคิล เพื่อให้สามารถกำหนดกรอบและแนวทางการบริหารจัดการข้อมูลที่สอดคล้องกับการพัฒนาระบบบริหารจัดการองค์กรรับผิดชอบจัดการบรรจุภัณฑ์ (PRO: Producer Responsibility Organization) และการประเมินค่าบริการ (EPR Fee) ที่เป็นธรรม ผ่านกลไกแบบจำลองการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมวงจรปิด (Closed Loop Recycling) ของAluminium Loop ซึ่งเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตและจัดการกระป๋องอลูมิเนียมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Aluminium Can Supply Chain) ได้แก่
บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด ผู้เก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว บริษัท แองโกล เอเซีย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้รีไซเคิลบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียม และ บริษัท ยูเอซีเจ(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตแผ่นอลูมิเนียม โดยมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ชั้นนำเข้าร่วม อาทิ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากภาควิชาการ โดย สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการคำนวณค่าบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ (EPR Fee) เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนการจัดการขยะ รองรับการพัฒนาสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และบริษัท วีกรีน เคยู จำกัด จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะสนับสนุนข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาระบบฐานข้อมูลบัญชีรายการสิ่งแวดล้อมของบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมและอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ให้เป็นต้นแบบในการกำหนดเกณฑ์และบริหารจัดการ TH-CBAM ตามมาตรฐานสากล โดยใช้ Aluminium Loop เป็นแบบจำลอง
“เราเชื่อว่า Aluminium Loop เป็นทั้งนวัตกรรมด้านการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมแบบวงจรปิด ทั้งยังเป็นเครื่องมือการผลักดันการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ตามหลักการ EPR และรองรับร่างพระราชบัญญัติการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ของภาครัฐและเอกชน จะผลักดันให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม” ดร.ชญานันท์ กล่าว
ทั้งนี้ ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2568 – 2572) โดยทุกฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติงานรายปี พร้อมกำหนดเป้าหมายชัดเจน โดยจะมีการทบทวนผลการดำเนินงานทุก 2 ปี เพื่อปรับปรุงและยกระดับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป สำหรับความร่วมมือดังกล่าวนี้ จะช่วยยกระดับการจัดการบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทยให้ก้าว สู่มาตรฐานสากล ช่วยลดปริมาณขยะตกค้างลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เข้มแข็ง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และ ภาคประชาสังคม เพื่อเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย
นางกิติยา แสนทวีสุข ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด เปิดเผยว่า ในนามตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการสร้างระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก เนื่องจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ TH-CBAM และมาตรฐานการลดก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป กำลังเป็นเงื่อนไขสำคัญของการค้าโลกในอนาคต ซึ่งถือเป็นการเร่งให้เกิดการพัฒนาระบบ Closed Loop Recycling ในระดับประเทศอย่างเต็มประสิทธิผล โดยจะทำให้อุตสาหกรรมสามารถใช้อลูมิเนียมรีไซเคิลกลับเข้าสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างสูงสุด เรามุ่งมั่นผลักดันวงการบรรจุภัณฑ์ให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
ซึ่ง Aluminium Loop ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 จากการผลักดันของภาครัฐและความร่วมมือ
ของภาคเอกชนในห่วงโซ่คุณค่าของบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียม โดยเราเป็นผู้ริเริ่มสร้างระบบรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมแบบวงจรปิดแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร สิ่งที่ทำให้ระบบของ Aluminium Loop แตกต่างจากระบบรีไซเคิลทั่วไป คือ ระบบที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ (Transparency & Traceability) โดยจะติดตามข้อมูลตั้งแต่จำนวนกระป๋องที่ผลิตออกสู่ตลาด ไปจนถึงจำนวนที่ถูกเก็บกลับมารีไซเคิลได้จริงในปริมาณเทียบเท่าโดยน้ำหนัก ปัจจุบันมีแบรนด์เครื่องดื่มเข้าร่วมระบบรีไซเคิลแบบวงจรปิดนี้มากกว่า 100 แบรนด์ และสามารถเก็บกลับบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียมใช้แล้วเข้าสู่ระบบได้มากกว่า 1,500 ล้านใบ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 130 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ขณะที่เป้าหมายความร่วมมือครั้งนี้ได้วางแนวทางหลักไว้ 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาฐานข้อมูลและระบบบริหารจัดการโดยจะจัดทำฐานข้อมูลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมตลอดวงจร ตั้งแต่การผลิตการบริโภค การเก็บกลับ การรีไซเคิลไปจนถึงการจัดทำระบบบัญชีก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อรองรับมาตรการ TH-CBAM และนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกของไทย รวมถึงการใช้ระบบรีไซเคิลวงจรปิดของ Aluminium Loop ซึ่งสอดคล้องกับร่างกฎหมายด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นต้นแบบให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่งเสริมการสร้างมาตรฐานใหม่ของการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน และสุดท้ายคือ การจัดการขยะในพื้นที่จัดการยาก ด้วยการนำ หลักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Economics) มาประยุกต์ใช้เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภคให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เร่งพัฒนาระบบการจัดการขยะบนพื้นที่ชายฝั่งทะเล สนับสนุนมาตรฐาน“ทะเลสะอาด” และสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้พร้อมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
ความร่วมมือนี้จึงไม่เพียงเป็นกลไกในการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของการผนึกกำลังทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก ตอกย้ำเส้นทางที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน